การเดินจงกรมและนั่งสมาธิเป็นพื้นฐานการฝึกวิปัสสนากรรมฐาน สถานปฏิบัติธรรมแทบทุกแห่งมักจะให้ผู้เข้ารับการอบรมฝึกปฏิบัติเดินจงกรมและนั่งสมาธิควบคู่กันไป สำหรับการอบรมวิปัสนาที่มูลนิธิโพธิวัณณานี้ แม่ชีขอกล่าวถึงรายละเอียดเฉพาะหลักสูตรคุณแม่สิริกรินชัย เป็นหลัก
หลักสูตรนี้ใช้เวลา ๗ วันในการเข้าอบรม แต่ละวันแบ่งการอบรมเป็น ๖ บัลลังก์ หรือ ๖ รอบ แบ่งเป็นช่วงเช้าถึงเที่ยง ๓ บัลลังก์ ช่วงบ่ายถึงเย็น ๒ บัลลังก์ และช่วงค่ำอีก ๑ บัลลังก์
ข้อปฏิบัติแต่ละวันคือ โยคีตื่นตีสี่เพื่อทำภารกิจส่วนตัว พอตีสี่ครึ่งวิทยากรนำปฏิบัติ จากนั้นจึงเดินจงกรมเพื่อให้สติตื่น แล้วนั่งสมาธิ ตามด้วยการสวดมนต์ทำวัตรเช้า ออกกำลังกายขยับเนื้อขยับตัว จากนั้นลงไปตักบาตร ทานอาหารเช้า แล้วพัก ๑ ชั่วโมง กลับมาปฏิบัติ สลับกับการฟังบรรยายธรรมะและแนวทางการปฏิบัติ ทานอาหารกลางวัน พัก ๑ ชั่วโมง แล้วปฏิบัติต่อเนื่องไปจนถึงเย็น รอบค่ำมีอีก ๑ บัลลังก์ถึงสองทุ่ม บางวันจะมีการสอบอารมณ์ บางวันมีกิจกรรมพระในบ้าน หากคอร์สไหนตรงกับวันสำคัญ เช่น วันสงกรานต์ จัดกิจกรรมก่อพระเจดีย์ทรายและสรงน้ำพระ วันปีใหม่ จัดสวดมนต์ข้ามปี วันวิสาขบูชา จัดให้เวียนเทียน เป็นต้น
การปฏิบัติบางรอบอาจมีให้นอนสมาธิ จะได้ไม่นั่งหลับในยามบ่าย เราต้องการให้โยคีได้ผ่อนคลาย ไม่เครียดมากเกินไป เพราะคนที่มีปัญหามากๆ ถ้าให้ปฏิบัติอย่างเดียวเขาจะรับไม่ไหว แต่ถ้าให้นั่งสบายเกินไปก็จะทำให้ขี้เกียจ ก็จะมีกิจกรรมหรือมีเทคนิคการฝึกสติจากสิ่งที่เข้ามากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้เข้าเห็นประโยชน์จากการปฏิบัติ ก็จะมีกำลังใจในการมุ่งมั่นปฏิบัติมากขึ้น
การเดินจงกรมเป็นการเดินเป็นแนวเส้นตรง ไกลไม่เกิน ๓ เมตร ไป - กลับ ใช้เวลาประมาณ ๓๐ นาทีมีหลักอยู่ว่า ผู้เดินจะต้องมีสติกำหนดอิริยาบถให้ทันปัจจุบัน ช่วงแรกต้องออกเสียงกำหนดระยะของการเดิน ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด ๗ ระยะ เพื่อดึงสติให้อยู่กับตัวก่อนในสองถึงสามวันแรก เพื่อให้จิตเคยชินอยู่กับกาย เมื่อเริ่มทำได้แล้ว จึงกำหนดท่าเดินในใจให้ตรงกับกิริยาอาการที่กำลังกระทำอยู่ขณะปัจจุบัน ไม่กำหนดก่อนหรือหลังการกระทำ อย่าไปคาดหวังหรืออย่าไปพะวงว่าเราปฏิบัติได้เท่านั้นเท่านี้ ขอให้ปฏิบัติตามขั้นตอนด้วยจิตที่สงบ คลายจากสิ่งฟุ้งทั้งปวง ก็จะทำได้ไปตามลำดับ
การเดินจงกรมเริ่มตั้งแต่ระยะที่ ๑ เริ่มต้นด้วยขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ การกำหนดก้าวสุดท้ายเมื่อสุดทาง และหมุนตัวกลับ วิทยากรจะเพิ่มระยะในการเดินให้โยคีวันละ ๑ ระยะ จนจบหลักสูตร ๗ วันพอดี
จากนั้นจะให้โยคีนั่งสมาธิต่อเนื่องไปเลย เพราะขณะเดินจงกรม จิตมีความสงบพอสมควรแล้ว ถ้าการปฏิบัติถูกต้อง กำหนดสติอยู่กับปัจจุบันได้บ่อยๆ ความฟุ้งซ่าน วิตกกังวลก็จะน้อยลง การนั่งสมาธิก็จะได้ผลเร็วขึ้น การนั่งสมาธิก็มีขั้นตอนในการปฏิบัติเช่นกัน ที่นี่จะให้สังเกตอาการของท้องที่พองเมื่อหายใจเข้า อาการของท้องที่ยุบเมื่อหายใจออก แล้วกำหนดคำว่า “พองหนอ ยุบหนอ” ตามความเป็นจริง ถ้าจิตหนีไปคิดก็ให้กำหนด “คิดหนอ” แล้วกลับมาดูที่ท้องต่อ หรือถ้าหูได้ยินเสียงอะไร ก็ให้กำหนด “ยินหนอ” ตามความเป็นจริงที่มากระทบ ถ้าตาเห็นภาพใดๆ ปรากฏขึ้นมา ก็ให้กำหนดว่า “เห็นหนอ” ปฏิบัติลักษณะอย่างนี้ไปจนหมดเวลานั่ง ครั้งละประมาณ ๑๕ - ๒๐ นาที
ทั้งการเดินจงกรมและนั่งสมาธิล้วนเป็นการฝึกเจริญสติ แต่หลักสูตรนี้คุณแม่สิริ จะให้ความสำคัญกับการเจริญสติในชีวิตประจำวันมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง การเดินจงกรมมีความสำคัญเป็นอันดับสอง และการนั่งสมาธิมีความสำคัญเป็นอันดับสาม เมื่อเจริญสติกำหนดรู้ได้ต่อเนื่องกัน ความฟุ้งซ่านจะลดน้อยลง จิตจะสงบลงได้ ที่สุดก็จะเกิดปัญญา เกิดความคิดถูก รู้ถูก พูดถูก ทำถูก มีความดำริชอบ ซึ่งเป็นวิชาที่แก้ปัญหาโลกและปัญหาธรรมได้อย่างถูกต้องและดียิ่ง
นี่คือการพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาและความสันติสุข