หากใครคิดว่าศีล ๕ รักษายาก ลองพิจารณาเรื่องต่อไปนี้ดู
ในสมัยพุทธกาล ภิกษุรูปหนึ่งในจำนวนผู้บวชใหม่ ๕๐๐ รูป ท่านได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อขอลาสิกขา โดยให้เหตุผลว่า ศีลของภิกษุมีมากเหลือเกิน ตนปฏิบัติไม่ไหว พระพุทธองค์จึงให้ภิกษุรูปนั้นรักษาศีลเพียงข้อเดียว คือ ให้รักษาใจ ภิกษุรูปนั้นจึงเปลี่ยนใจแล้วถือศีลข้อเดียว เมื่อมีอะไรมากระทบทางหู จมูก สิ้น กาย หรือผุดขึ้นกลางใจ ก็แค่เพียงชำระใจไม่ให้ขุ่นมัวเศร้าหมองไปกับใคร จนสำเร็จได้เป็นอริยบุคคลในที่สุด เพราะรักษาใจเพียงอย่างเดียว
ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ หรือกี่ข้อก็ตาม ถือเป็นเพียงบัญญัติที่มีไว้สำหรับคนที่ยังมีจิตหยาบเท่านั้น แต่ถ้าจิตละเอียดแล้ว ศีลจะบริบูรณ์ไปเองโดยไม่ต้องระวังรักษา ดังคำที่ว่า ธรรมทั้งหลายที่มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ ดังปรากฏอยู่ในเรื่องของพระจักขุปาลเถระ ดังนี้
ในคืนหนึ่ง ขณะที่พระจักขุปาลเถระซึ่งเป็นพระอรหันต์ตาบอดเดินจงกรมอยู่นั้น ท่านได้เหยียบแมงเม่าตายโดยไม่มีเจตนา ในตอนเช้าภิกษุรูปอื่นเห็นแมงเม่าตายเกลื่อนจึงไปฟ้องพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าได้ตรัสถามภิกษุเหล่านั้นว่า เห็นพระจักขุปาลเถระฆ่าสัตว์เหล่านั้นโดยเจตนาหรือไม่ เมื่อพระภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่าไม่เห็น ท่านจึงตรัสว่า
“พวกเธอไม่เห็นจุกขุปาลฆ่าสัตว์ฉันใด จักขุปาลก็ไม่เห็นสัตว์เหล่านั้นฉันนั้น นอกจากนั้นแล้ว พระจักขุปาลนี้เป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่มีเจตนาที่จะฆ่าสัตว์ จึงเป็นผู้บริสุทธิ์”
เมื่อมีจิตบริสุทธิ์ เจตนาจึงไม่มี
ทุกวันนี้แม่ชีและทีมวิทยากรจึงใช้กฎที่ว่า ระเบียบมีอยู่ แต่อย่าไปเพ่งโทษกันเลย เพราะไม่มีใครที่อยู่ในกฎระเบียบตลอดเวลา เอาเป็นว่าเราต่างก็รักษาใจกันและกันเท่านี้ก็พอแล้ว เราอยู่กันได้แบบมีสติ ต่างเพียรที่จะรักษาใจตนเอง และประคองใจกันเท่าที่ทำได้ พยายามไม่ให้จิตไปล่วงเกินใคร ใครทำผิดแม่ชีก็มองว่าเพราะเขารู้เท่าไม่ถึงการณ์ คือถ้าจะมองความผิดของเขา ให้ย้อนมาพิจารณาความผิดของเราก่อนว่ามีมากน้อยไปกว่าเขาหรือไม่
ที่ศูนย์วิปัสสนาโพธิวัณณานี้ก็เลยอยู่ร่วมกันแบบเคารพกันและกันมากกว่าที่จะมาจ้องจับผิดกัน เพราะศีลที่แท้จริงอยู่ที่การสำรวมกาย วาจา และใจ เมื่อรักษาใจไม่ให้ไปล่วงเกินใคร จิตก็เป็นกุศล ไม่ขุ่นมัว จิตจะทรงอารมณ์ฌาน ทรงอุเบกขาญาณได้
ถ้าเราเชื่อเรื่องกรรมมีอยู่จริงแล้วละก็ คงถือเป็นกรรมที่เขาเคยทำกันมา ถ้าเขาไม่เคยก่อกรรมทำกันมา เขาจะไม่เป็นผู้รับกรรมหรอก ต้องเคยข่มขืนเขามา จึงถูกเขามาข่มขืน ต้องเคยลักขโมยเขามา จึงถูกเข้าลักขโมยกลับ ต้องเคยฆ่ากันมา เขาจึงมาฆ่ากลับ ไม่มีอะไรผลใดเกิดขึ้นลอยๆ โดยไม่มีเหตุมาก่อน เพียงแต่เราลืมเหตุไปแล้วเท่านั้น
ดูอย่างองคุลิมาลที่เคยเกิดเป็นควายป่าอาละวาดขวิดชวาบ้าน จึงถูกคนทั้งหมู่บ้านรุมกันฆ่าตาย เว้นแต่หญิงหม้ายเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่มีส่วนรู้เห็นกันด้วย ส่งผลให้หญิงหม้ายผู้นั้นมาเกิดเป็นแม่ขององคุลิมาลและรอดชีวิตมาได้เพียงคนเดียว ขณะที่อีก ๙๙๙ คนซึ่งถูกองคุลิมาลฆ่าตัดนิ้ว ก็คือชาวบ้านที่มีส่วนร่วมในการฆ่าความยป่าตัวนั้นนั่นเอง