“จิต” กับ ”ใจ” เป็นดวงเดียวกันหรือไม่

#

เคยมีโยคีถามว่า “จิต” กับ ”ใจ” เป็นดวงเดียวกันหรือไม่

ใจมีไว้คิด จิตมีไว้รู้

ในพระอภิธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอธิบายไว้ว่า จิตดวงแรกกับจิตดวงที่สองเป็นจิตคนละดวงกัน คิดเรื่องเดียวกัน แต่คิดไม่เหมือนกัน จิตเราเกิด – ดับตลอด เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรคงที่ คิดเรื่องเดียวกันก็ใจเรานั่นแหละ เมื่อกี้คิดอย่างหนึ่ง อีกแป๊บหนึ่งหันกลับมาคิดเรื่องนี้ใหม่ ไม่ได้คิดเหมือนเดิม ที่เราไม่คิดเหมือนเดิมเพราะจิตเราเปลี่ยนตลอด

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า เจตสิกมันตรงกับจิต เพราะจิตเปลี่ยนไปอุปมาเหมือนน้ำในแก้ว เดิมเป็นน้ำใส ถ้าใส่สีแดงลงไปมันก็จะเป็นสีหนึ่ง พอเรานำสีเขียวมาใส่ สีเขียวกับสีแดงรวมกัน มันก็เป็ฯอีกสีหนึ่งแล้ว ก่อนเทเราก็เห็นนะว่าสีแดง อีกแก้วที่เราจะเทเป็นสีเขียว แต่พอเทรวมเข้าไปแล้วมันไม่ใช่สองสีเดิมแล้ว มันคือสีใหม่อีกสีหนึ่ง

เพราะฉะนั้น ผลของกรรมดีและกรรมชั่วที่ส่งมากระทบใจเราแต่ละวินาทีเป็นตัวแปรให้อนาคตเราไม่แน่นอน แล้วก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดคาดหวังไว้ ก็เพราะผัสสะที่มากระทบเราทุกวินาทีเป็นตัวแปรที่ทำให้เปลี่ยน เจตสิกทำให้จิตเราเปลี่ยนไป

ถ้าได้อ่านอภิธรรมหัวข้อเรื่องงรูป เจตสิก แล้วยิ่งได้มาปฏิบัติอยู่กับปัจจุบันด้วยยิ่งชัดมากขึ้น มันจะทำให้เราไม่ทุกข์ไปกับความคิดของใคร เพราะเรารู้แล้วว่าไม่เที่ยง ตอนนี้เราอาจจะร้องไห้คร่ำครวญอยากฆ่าตัวตาย แต่พอเดินออกจากตรงนี้ไปเราอาจจะไม่ได้คิดเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นถ้าเรายึดมั่นถือมั่นกับความคิดของเขาที่พูดกับเรา เราก็บ้า เพราะเราหลงไปกับคำที่ล่อหลอกเรา ล่อให้เราสุขบ้างทุกข์บ้าง

เหมือนครั้งหนึ่ง แม่ชีเคยยึดมั่นถือมั่นในเรื่องคู่ คิดว่าเราต้องได้ครองคู่กันไปทุกภพทุกชาติ ทำอะไรก็อธิษฐานขอให้เราเป็นสามี – ภรรยากันทุกชาติ แต่พอมาวันหนึ่ง เมื่อได้เข้าทวนญาณบ่อยๆ ก็ละได้วางได้ เราจึงเปลี่ยนความคิด

ทุกวันนี้เมื่อมานึกย้อนไปในอดีตก็คิดขำตัวเองเหมือนกันนะว่า เออ... เป็นไปได้ แต่สรุปแล้วทุกคนเป็นคนดี มีความดีทั้งนั้น แต่ดีใครดีมัน สไตล์ใครสไตล์มัน จริตคนเราไม่เหมือนกัน เพราะตัวแปรที่มากระทบใจเขา มันยากต่อการที่จะให้คนสองคนคิดเหมือนเดิมได้ตลอดเวลา มันเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเรายึดหลักธรรมของพระพุทธเจ้า เราจะไม่ทุกข์กับใครเลย

ในขณะที่คนเราใช้ชีวิตทางโลก เวลาที่คิดถึงความผิดพลาดของคนอื่น ขอให้เอาความผิดฟลาดของเรามาเป็นที่ตั้ง แล้วจะเมตตาให้อภัยคนที่ผิดพลาด สำหรับแม่ชี เวลาจะมองโทษของคนอื่น แม่ชีจะเอาโทษของตัวเองเป็นที่ตั้ง แล้วบอกตัวเองว่าเราก็เคยผิดพลาด พอคิดอย่างนี้ปุ๊บ คำพูดที่จะพูดจี้จุดเขามันจะไม่มีแล้ว เพราะเรามีเมตตาและเข้าใจเขา เราก็จะหาปัญญาที่จะพูดกับเขาเพื่อเลิกย้ำคิดย้ำทำในสิ่งที่มันไม่ดี โดยที่เราไม่ต้องบอกเขาตรงๆ จะได้ไม่ทำร้ายจิตใจเขาเกินไป